มารู้จักน้ำสลัดของ 6 ประเทศต่างๆกัน!

Last updated: 27 ก.ย. 2565  |  6634 จำนวนผู้เข้าชม  | 

มารู้จักน้ำสลัดของ 6 ประเทศต่างๆกัน!

มารู้จักน้ำสลัดของประเทศต่างๆกัน!

 

          เมื่อการติดต่อสื่อสารสะดวกสบายมากขึ้นการแพร่กระจายของวัฒนธรรมจากภูมิภาคสู่ภูมิภาคเกิดได้ง่ายขึ้น และเกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมทั่วโลก พร้อมทั้งมีการดัดแปลงวัฒนธรรมจากภูมิภาคบางอย่างเพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับวัฒนธรรมดั้งเดิมอีกด้วย วัฒนธรรมด้านอาหารก็เช่นกัน อย่างเช่นการรับประทานสลัดและการผลิตน้ำสลัด เป็นที่รู้กันว่าอาหารประเภทนี้เริ่มจากวัฒนธรรมตะวันตก ปัจจุบันได้แพร่หลายทั่วโลก เนื่องจากความแตกต่างทางภูมิศาสตร์ทำให้วัถตุดิบในแต่ภูมิภาคนั้นแตกต่างกัน เรื่องทั้งรสชาติที่ความชอบที่แตกต่างกัน ดังนั้นเมื่ออาหารอย่างเมนูสลัดที่มีน้ำสลัดเป็นตัวปรุงรสเข้ามามีบทบาทนอกถิ่นกำเนิด ย่อมมีการปรับปรุงดัดแปรงรสชาติและองค์ประกอบบางอย่างให้เหมาะสมกับภูมิภาคนั้น อย่างเช่นทวีปเอเชียเป็นภูมิภาคที่อาหารส่วนมากจะเน้นและเข้มข้นเครื่องเครื่องเทศที่ชาติตะวันตกไม่มี น้ำสลัดที่ผลิตในภูมิภาคนี้จึงมีการดัดแปรงเสริมแต่งด้วยวัตถุดิบที่มีและเสริมรสด้วยเครื่องเทศที่เป็นที่นิยมของชาตินั้นๆ ดังนั้นแต่ละประเทศจะมีองค์ประกอบบางส่วนและรสชาติของน้ำสลัดที่แตกต่างไป

     บทความนี้จะขอยกตัวอย่างน้ำสลัดของบางประเทศ และบางแบรนด์ที่กล่าวถึงองค์ประกอบคร่าวๆ แต่กระนั้นน้ำสลัดบางแบรนด์ของบางประเทศก็ได้รับความนิยมไปต่างประเทศก็มีอย่างเช่น

1.ประเทศมาเลเซีย

สลัดที่ได้รับความนิยม 3 อันดับแรกของประเทศมาเลเซีย ซึ่งจัดลำดับโดย เวปไซด์ https://www.tasteatlas.com/most-popular-salads-in-malaysia เมื่อปี 2021 ได้แก่

1. ยีซัง (Yee sang)

         มักจะบริโภคในช่วงเทศกาลตรุษจีน หยูเซิง (yusheng) เป็นสลัดแสนอร่อยที่ทำจากปลาดิบและผักหั่นฝอยซึ่งปรุงรสด้วยเครื่องเทศและท็อปปิ้งต่างๆ เช่น ถั่วลิสงและงา จานนี้ยังปรุงรสด้วยซอสหยูเซิง ซึ่งส่วนใหญ่ประกอบด้วยซอสบ๊วยและน้ำมันงา ต้นกำเนิดของอาหารนี้สามารถสืบย้อนไปถึงทางตอนใต้ของจีนได้ แต่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่จานนี้ได้รับความนิยมซ้ำในสิงคโปร์ในทศวรรษที่ 1960 จานนี้จึงได้รับความนิยมอย่างมากจากชาวจีนที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยทั่วไปแล้ว Yusheng จะถูกนำเสนอเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยในอาหารค่ำแบบหลายคอร์ส

2.เคราบู (Kerabu)

          อาหาร Kerabu ของมาเลเซียมักแสดงถึงส่วนผสมต่างๆ ของผักสดและน้ำสลัดที่อร่อยซึ่งมักจะเสิร์ฟพร้อมกับข้าว อาหารจานนี้ประกอบด้วยผักและผลไม้ต่างๆ เช่น แตงกวา ถั่วงอก มะม่วง หอมแดง ถั่วมีปีก (ถั่วสี่มุม) มะพร้าว หน่อไม้ และพริก ในขณะที่มักเพิ่มกุ้ง เกล็ดปลา หนังหมู และ ตีนไก่ น้ำสลัดมักจะใช้กะปิ (belacan)  น้ำมะนาว น้ำตาล และพริก บางครั้งใช้คำว่า kerabu ในส่วนอื่น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่ออ้างถึงสลัดที่คล้ายกัน

3. อุลัม (Ulam)

            อูลัมเป็นคำที่หมายถึงสลัดสไตล์มาเลย์ต่างๆ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะปรุงด้วยสมุนไพรและผักสดหลากหลายชนิด เช่น ใบพลู แตงกวา หรือปลีกล้วย แต่ก็สามารถรวมยอด ราก เมล็ดพืช และผลไม้ได้ ส่วนผสมทั้งหมดสามารถลวกหรือเสิร์ฟแบบดิบได้ สลัดอูลัมเป็นเครื่องเคียงและมักราดด้วยซอสต่างๆ ของมาเลเซีย เช่น ซัมบัลเบลากัน ซินกาล็อกที่ใช้กุ้ง หรือเทมโปยัค

           เมื่อมีเมนูสลัดสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะช่วยให้สลัดเหล่านั้นมีรสชาดมากยิ่งขึ้นคือ น้ำสลัด และจากเวปไซด์ https://www.myweekendplan.asia/top-10-salad-dressing-in-malaysia/ ได้ทำการจัด 10 สุดยอดน้ำสลัดที่ดีที่สุดในมาเลเซียปี 2022 ไว้ดังนี้

1. น้ำสลัดเลดี้ช้อยส์เทาซันด์ไอแลนด์ (Lady’s Choice Salad Dressing Thousand Island) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศฟิลิปปินส์
2. น้ำสลัดอเนกประสงค์ซาจิมาโย (Saji Mayo All-Purpose Salad Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย
3. น้ำสลัดงาคั่วคิวพี (Kewpie Roasted Sesame Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย
4. น้ำสลัดบลูชีสครีม (Ina Paarman Ina Paarman Creamy Blue Cheese Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศแอฟริกาใต้

5. น้ำสลัดงาตรากนิกา (Kanika Brand Sesame Salad Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย
6. น้ำสลัดโคลสลอว์ Woolworths(Woolworths Coleslaw Salad Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลีย
7. น้ำสลัด Bel'oil Ranch (Bel’oil Ranch Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศเบลเยียม
8. น้ำสลัดซีซาร์ควันบุหรี่ของ Hellmann (Hellmann’s Smoky Caesar Salad Dressing) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศฟิลิปปินส์
9. Praise Dressing French Lite เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศออสเตรเลีย
10. สลัดเทลลี่เทาซันไอส์แลนด์ (Telly Thousand Island Salad) เป็นน้ำสลัดต้นกำเนิดจากประเทศมาเลเซีย

       จากการ 10 อันดับน้ำสลัดที่ได้รับความนิยมในประเทศมาลเซียจะเห็นได้ว่ามีทั้งน้ำสลัดที่ผลิตขึ้นเองในประเทศและต่างประเทศ จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่าน้ำสลัดสายพันธุ์มาเลเซียที่ได้รับความนิยมติดอันดับ 1 ใน 10 ได้แก่

1. สลัดเทลลี่เทาซันไอส์แลนด์ (Telly Thousand Island Salad)
               เป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์น้ำสลัดเทลลี่ทำมาจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพเพื่อให้มีรสชาติที่สดและกลมกล่อม ในขณะที่เป็นน้ำสลัดเอนกประสงค์เมื่อเสิร์ฟแบบจิ้มหรือใส่ในจานใดก็ได้ ชุดน้ำสลัดของเทลลี่มาพร้อม 4 รสชาติต้นตำรับที่แตกต่างกันเพื่อตอบสนองความต้องการด้านรสชาติที่แตกต่างกัน คู่อร่อยสำหรับสลัดและแซนวิชของ อัดแน่นด้วยรสชาติและความหวานในทุกคำที่กัด

 ส่วนประกอบ: น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำตาล, มีสารปรับสภาพอาหารที่ได้รับอนุญาต, นมผง, เกลือ, กรดอะซิติก, โซเดียมเบนโซเอตและไดโซเดียม EDTA เพื่อปกป้องรสชาติ

2. น้ำสลัดงาตรากนิกา (Kanika Brand Sesame Salad Dressing)
               น้ำสลัดที่มีน้ำมันงา ขิง และเครื่องเทศสไตล์เอเชียอื่นๆ ที่ดีต่อสุขภาพ เป็นการทำน้ำสลัดเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ปรุงรสผักนึ่งหรือปลาหมัก แหล่งโภชนาการที่ดีเยี่ยมสำหรับอาหารทุกชนิด เหมาะสำหรับสลัด พาสต้าเย็น จุ่มผัก สลัดหัวกะหล่ำ หรือแม้แต่มันฝรั่งทอด น้ำสลัดงาคานิกาเป็นรูปแบบหนึ่งของน้ำสลัดงา มีกลิ่นหอมและรสชาติอันยอดเยี่ยมที่บ่งบอกตัวตน ใช้น้ำสลัดนี้สำหรับสลัดผักใบเขียว สลัดเอเชีย สลัดก๋วยเตี๋ยว และสลัดสับ นอกจากนี้ยังเป็นน้ำสลัดที่ยอดเยี่ยมในการทำผักนึ่งให้อร่อยยิ่งขึ้น ปิดท้ายด้วยการโรยงาสดและต้นหอมหั่นฝอย

ส่วนประกอบ: น้ำมันงา ซีอิ๊ว น้ำส้มสายชูไวน์ข้าว และน้ำผึ้ง พร้อมกับขิงขูดสดๆ

3. น้ำสลัดงาคั่วคิวพี (Kewpie Roasted Sesame Dressing)
               รสชาติอร่อยเข้มข้นของเมล็ดงาคั่วทั้งเมล็ดเป็นส่วนผสมลับของน้ำสลัดครีมสไตล์ร้านอาหารญี่ปุ่น เหมาะสำหรับสลัด พาสต้าเย็น สลัดผัก สลัดหัวกะหล่ำ หรือหมักสำหรับเนื้อสัตว์ทุกประเภท

 ส่วนประกอบ: น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำ, น้ำตาล, ซีอิ๊ว (น้ำ, ถั่วเหลือง, ข้าวสาลี, เกลือ), น้ำส้มสายชูกลั่น, เมล็ดงา 5%, น้ำมันงา 2%, ไข่แดง, เกลือ, สารปรุงแต่งรส , สารสกัดจากยีสต์, รสงา , สารเพิ่มความข้น, สารกันบูด, มัสตาร์ด

4. น้ำสลัดอเนกประสงค์ซาจิมาโย (Saji Mayo All-Purpose Salad Dressing)
               Saji Mayo ทำขึ้นเป็นพิเศษจากวัตถุดิบคุณภาพดีเพื่อรักษารสชาติครีมสดและเนื้อสัมผัสที่เรียบเนียน มีลักษณะเอนกประสงค์ที่สามารถนำมาใช้ในการปรุงอาหาร เป็นอาหารคาว และสำหรับจิ้มสลัด

 ส่วนประกอบ: น้ำมันถั่วเหลือง, น้ำตาล, ไข่, มีสารปรับสภาพอาหารที่ได้รับอนุญาต, เกลือ, กรดอะซิติก, เครื่องเทศ, โซเดียมเบนโซเอต, ไดโซเดียม EDTA เพื่อปกป้องรสชาติ

2.ประเทศฟิลิปปินส์

         ข้อมูลจากเวปไซด์ mybest (https://my-best.ph/16046) ได้กล่าวถึง 10 แบรนด์น้ำสลัดที่ดีที่สุดในฟิลิปปินส์ 2022 ที่มีการซื้อออนไลน์ มีดังนี้

1 Quezon's Best : Organic Coco Balsamic Vinegar
2 Sonya's Garden: Sonya's Super Secret Dressing
3. Hellmann's : Salad Dressing Thousand Island
4. WHISK: Raspberry Vinaigrette Salad Dressing
5. Member’s Selection: Creamy Caesar Dressing.
6. Mama Sita's : Pinoy Ensalada (Sweet Black Pepper) Vinaigrette - Sukang Iloko Cane Vinegar
7. Kewpie: Japanese Dressing Roasted Sesame
8 Gourmet Farms: Mango Vinaigrette
9. Wildflour: Peanut Salad Dressing
10. Lady's Choice: Caesar Dressing, Ranch Dressing

              จากการจัด 10 อันดับน้ำสลัดที่ได้รับความนิยมในประเทศฟิลิปปินส์จะเห็นได้ว่ามีทั้งน้ำสลัดที่ผลิตขึ้นเองในประเทศและต่างประเทศ จากข้อมูลดังกล่าวเห็นได้ว่าน้ำสลัดสายพันธุ์ฟิลิปปินส์ที่ได้รับความนิยมติดอันดับ 1 ใน 10 ได้แก่

 1. Mama Sita's : Pinoy Ensalada (Sweet Black Pepper) Vinaigrette - Sukang Iloko Cane Vinegar
              น้ำสลัดสไตล์ฟิลิปปินส์นี้ใช้ Sukang Iloko ซึ่งเป็นอ้อยหมักตามธรรมชาติที่ให้กลิ่นที่เป็นกรดเข้มข้นและมีสีขุ่น ยกระดับรสชาติของสลัดฟิลิปปินส์หรือที่เรียกว่าเอนซาลาดา (Ensalada) แล้ว ผลิตภัณฑ์นี้ยังช่วยเพิ่มรสชาติให้กับอาหารฟิลิปปินส์อีกมากมาย เช่น อโดโบ (Adobo) Paksiw, และ Longganisa นอกจากนี้ พริกไทยดำยังรวมอยู่ในน้ำสลัดนี้ซึ่งให้ความร้อนแบบพริกไทยเล็กน้อย ความสมดุลระหว่างรสหวานและความเป็นกรด ที่สมบูรณ์แบบเหมาะสมกับ panlasang Pinoy

2. Gourmet Farms: Mango Vinaigrette
              เป็นน้ำสลัดที่มีมะม่วงเป็นส่วนผสมที่ให้รสชาดหวานและเปรี้ยว ชาวฟิลิปปินส์ชอบทานมะม่วงซึ่งคาดว่าจะเป็นผลไม้ประจำชาติ และพวกเขาชอบขนม หรือผลไม้ที่มีรสหวานและเปรี้ยวที่โดดเด่น สำหรับผู้ที่ไม่ชอบหรือไม่สามารถทานมะม่วงได้ สลัดน้ำใสที่มีส่วนผสมของมะม่วง (mango vinaigrette) ที่มีมะม่วงเป็นส่วนผสมที่น้อยที่สุดและมีคุณค่าทางโภชนาการ เช่น น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู น้ำผึ้ง และมัสตาร์ด

3. Lady's Choice: Caesar Dressing, Ranch Dressing
              Lady's Choice เป็นแบรนด์ที่ถือกำเนิดที่ฟิลลิปินส์และมีชื่อเสียงไปอีกหลายประเภท มีน้ำสลัดหลากหลายชนิด ที่นิยมในฟิลิปปินส์เป็น Caesar Dressing, Ranch Dressing นอกจากนี้ยังมี Lady’s Choice Salad Dressing Thousand Island

4. Sonya's Garden: Sonya's Super Secret Dressing
             เป็นน้ำสลัดที่ผลิตโดย Sonya's Garden ดึงดูดใจชาวฟิลิปปินส์รสชาติแบบคลาสสิก น้ำสลัดนี้ทำจากบัตเตอร์มิลค์แท้ สมุนไพร และกระเทียมที่ให้ความหวานและเข้มข้น มีขนาดบรรจุภาชนะขนาด 1 ลิตรที่สามารถใช้กับอาหารได้หลากหลายตั้งแต่สลัดผัก น้ำจิ้มสำหรับมันฝรั่งทอด และเป็นซอสราดสำหรับสเต็ก แรป และเบอร์เกอร์ ผลิตโดยแบรนด์ฟิลิปปินส์ที่น่าเชื่อถือที่สุดแบรนด์หนึ่ง เป็นที่รู้จักจากผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสสำหรับทำอาหารคุณภาพระดับพรีเมียม เหมาะอย่างยิ่งกับผู้กำลังมองหาน้ำสลัดที่มีรสนิยมดี มีความหลากหลาย

               ตัวอย่างน้ำสลัดโฮมเมดของฟิลิปปินส์ น้ำสลัดซีซาร์สไตล์ฟิลิปปินส์ที่เผยแพร่ออนไลน์ มีส่วนผสมดังนี้ ส่วนผสมสำหรับ  1 ที่

1) 2 pcs. garlic cloves minced
2) 1/2 teaspoon Ginisang Bagoong
3) 2 tbsp. freshly squeezed Kalamansi Juice
4) 1/2 tsp. Dijon mustard
5) 1 tsp. Worcestershire sauce
6) 1 cup Real mayonnaise
7) 1/4 cup Parmesan Cheese
8) 1/4 tsp. salt
9) 1/4 tsp. freshly ground black pepper

วิธีการ
               ใช้ชามขนาดเล็ก ใส่กระเทียม Ginisang Bagoong  freshly squeezed Kalamansi Juice Dijon mustard และซอส Worcestershire ลงไปแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใส่ Parmesan Cheese มายองเนส พริกไทยดำ และเกลือ แล้วตีจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี ชิมแล้วเติมเกลือหรือชีสลงไปเล็กน้อยเพื่อปรับตามความชอบ ก็จะได้น้ำสลัดซีซาร์สไตล์ฟิลิปปินส์

3.ประเทศญี่ปุ่น

             น้ำสลัดญี่ปุ่นธรรมดายอดนิยมนี้เรียกว่า Wafu ซึ่งแปลว่า “น้ำสลัดสไตล์ญี่ปุ่น” เป็นสลัดน้ำใส มีหลายรูปแบบ แต่มักประกอบด้วยสามส่วนผสมหลัก คือซอสถั่วเหลือง น้ำส้มสายชูไวน์ข้าว และน้ำตาล ทั้งน้ำส้มสายชูข้าวและซีอิ๊วเป็นวัตถุดิบหลักของญี่ปุ่น น้ำสลัดญี่ปุ่นได้แก่
1. Wafu Dressing
               น้ำสลัดวาฟู หมายถึงน้ำสลัดที่ประกอบด้วยน้ำมันพืช น้ำส้มสายชูข้าว และซีอิ๊ว ทุกครัวเรือนมีสูตรที่แตกต่างกันเล็กน้อย

2. Sesame Dressing
               น้ำสลัดงานี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมเพราะเป็นครีมและเต็มไปด้วยรสชาติ ในการทำน้ำสลัดงานี้ คุณจะต้องใช้เครื่องปรุงง่ายๆ ที่ใช้กันทั่วไปในครัวญี่ปุ่น น้ำสลัดงาญี่ปุ่นแบบโฮมเมดนี้ทำมาจากงาคั่วบด มายองเนส น้ำส้มสายชูข้าวและซีอิ๊วขาวแบบครีม

3. Miso Dressing
ส่วนประกอบในการท้ำสลัด Miso

น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ 4 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชูข้าว 3 ช้อนโต๊ะ
มิโซะขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 1-1/2 ช้อนชา
น้ำมันงา 3/4 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 3/4 ช้อนชา

วิธีการ ผสมในชามขนาดกลาง ใส่น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู มิโซะ น้ำผึ้ง น้ำมันงา และซีอิ๊วขาวคนให้ทั่วๆ ก็จะได้น้ำสลัดประมาณ 1/2 ถ้วย

4. Carrot Ginger Dressing
               น้ำสลัดขิงแครอทนี้ต้องใช้ส่วนผสมพื้นฐานเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ แครอท ขิง หัวหอม (หรือหอมแดง) น้ำผึ้ง (หรือน้ำเชื่อมเมเปิ้ล สำหรับมังสวิรัติ) น้ำมันงาคั่ว น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (หรือน้ำส้มสายชูข้าว) น้ำมันมะกอก

อัตราส่วน แครอทสับ 1 ถ้วยตวง (ประมาณ 2 แครอทขนาดกลาง 175 กรัม) ซึ่งอาจจะใช้อัตราส่วนดังนี้
ขิงสด 2 นิ้ว
หัวหอมสับหรือหอมแดง 1/2 ถ้วย
น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันงาคั่ว 1 ช้อนชา
น้ำมันมะกอกบริสุทธิ์พิเศษ 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/4 ถ้วย
เกลือ 1/4 ช้อนชา
วิธีการ ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นให้เข้ากันจนละเอีนด ลิ้มรสและปรับรสชาติ ตามที่คุณต้องการ น้ำสลัดนี้เสิร์ฟได้ทันที หรือเก็บไว้ในภาชนะที่มีอากาศถ่ายเทในตู้เย็นได้นานถึง 1 สัปดาห์

5. Chuka Dressing
เป็นน้ำสลัดที่ได้รับอิทธิพลมาจากประเทศจีน มีส่วนประกอบดังนี้ น้ำมันพืช น้ำมันงา น้ำส้มสายชูข้าว เกลือและพริกไทย น้ำตาล ซีอิ๊ว และงาคั่ว

4.ประเทศเวียดนาม

        ประเทศเวียดนามก็มีเมนูสลัดและมีการทำน้ำสลัดที่เป็นสไตล์ของตนเอง แบบ homemade ตัวอย่างสูตรน้ำสลัดเวียดนามที่มีเผยแพร่ออนไลน์ มีส่วนผสมดังนี้

1. น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ.
2.น้ำส้มสายชูข้าว 2 ช้อนชา 
3. กระเทียมสับสด 2 กลีบ
4. พริกสด 1-2 เม็ด แกะเมล็ดออก ซอยละเอียด (ตามชอบ) ...
   วิธีการทำ ผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกันแล้วคนจนน้ำตาลละลาย เก็บในตู้เย็นได้นานถึง 3-4 วัน

หรือน้ำสลัดเวียดนามที่ใช้เลาเตรียม 5 นาที สำหรับ 8ที่ มีพลังงาน 18 กิโลแคลอรี โดยผู้เขียน: Alyssa Brantley มีส่วนผสมและวิธีการทำดังนี้
น้ำกรองเย็น 1/2 ถ้วยตวง
น้ำปลา 1/4 ถ้วย
น้ำส้มสายชูข้าว 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาวคั้นสด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว 2 1/2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมกลีบขนาดกลาง 2 กลีบสับละเอียด
serrano chile สับละเอียดหรือ birdeye chile แดง 1 ช้อนชา
วิธีทำ ผสมน้ำ น้ำปลา น้ำส้มสายชูข้าว น้ำมะนาว และน้ำตาลปี๊บลงในโหลแก้วที่มีฝาปิดแน่น ปิดฝาเขย่าแรงๆ จนน้ำตาลปี๊บละลาย ใส่กระเทียมสับและพริกสับ ปิดฝา เขย่าอีกครั้ง แช่เย็นจนพร้อมใช้

5.ประเทศอินเดีย

              ประเทศอินเดียก็มีการบริโภคสลัด ดังนั้นจึงมีการผลิตน้ำสลัด เนื่องจากประเทศอินเดียนิยมรสชาติอาหารที่เข้มข้น เน้นเครื่องเทศเป็นส่วนมาก จึงเกิดการดัดแปลงน้ำสลัดจากสูตรดั้งเดิมให้เข้ากับรสชาติสไตล์ตนเอง  มีเเวปไซด์ https://www.india.com/food/4-indian-flavor-inspired-salad-dressing-recipes-875871/ ได้แนะนำ สูตรการทำน้ำสลัดสไตส์อินเดียไว้ 4 สูตร ได้แก่

1. น้ำสลัดโยเกิร์ต-มะขาม (Yogurt-Tamarind Dressing)
ส่วนผสมสำหรับทำน้ำสลัดประมาณ 2 ถ้วยครึ่ง ประกอบด้วย
Greek yogurt แบบไม่มีไขมัน 2 ถ้วย
มะขามเข้มข้น 1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 3 ลูกใหญ่
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมอากาเว่ 2 ช้อนโต๊ะ
เมล็ดยี่หร่าคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ
ขิงขูด 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือและพริกไทย

วิธีการทำ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่เครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด จากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นสองสามชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ

 2. น้ำสลัดแรนช์-ไรต้า (Ranch-Raita Dressing)

ส่วนประกอบในการทำน้ำสลัดประมาณ 2 ถ้วย ประกอบด้วย

ครีมเปรี้ยวปราศจากไขมัน 1 1/2 ถ้วย
บัตเตอร์มิลค์ไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย
ใบผักชีสับละเอียด 1/4 ถ้วย
2 ช้อนโต๊ะผักชีฝรั่งสดสับ
กุ้ยช่ายสดสับ 1 ช้อนโต๊ะ
ซอส Worcestershire 1 ช้อนชา
น้ำส้มสายชูขาว 1/2 ช้อนชา
กระเทียมสับ 1/2 ช้อนชา
มาซาล่า 1/2 ช้อนชา
ผงพริกแดง 1/4 ช้อนชา
ผงยี่หร่าคั่ว 1/4 ช้อนชา
เกลือและพริกไทย

วิธีการทำ รวมส่วนผสมทั้งหมดลงในชาม คนให้เข้ากัน แช่เย็นในตู้เย็นสักสองสามชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ เจือจางด้วยบัตเตอร์มิลค์มากขึ้นตามชอบ

 3. น้ำสลัดโยเกิร์ตมิ้นต์ (Yogurt-Mint Salad Dressing)

ส่วนผสมที่ทำน้ำสลัดได้ประมาณ 3/4 ถ้วย ประดอบด้วย
โยเกิร์ตไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย
ใบสะระแหน่ สับละเอียด1/4 ถ้วย
น้ำมะนาว 2 ช้อนชา
กระเทียม 2 กลีบ
เกลือทะเลหยาบ 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำ 1/2 ช้อนชา

วิธีการทำ นำส่วนประกอบทั้งหมดใส่ในเครื่องปั่น ปั่นให้ละเอียด หลังจากนั้นนำไปแช่ตู้เย็นสองสามชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ

 4. น้ำสลัดผักชี-มะขาม (Cilantro-Tamarind Salad Dressing)

ส่วนประกอบในการทำน้ำสลัดประมาณ 1 1/2 ถ้วยตวง ประกอบด้วย
ผักชีสด 2 ช่อ (ใช้เฉพาะใบ)
มะขามเปียกเข้มข้น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอกเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้น 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำเชื่อมอากาเว่หรือน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
พริกเขียว 4 เม็ด
เกลือ 3 ช้อนชา

วิธีการทำ นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในเครื่องปั่น ปั่นจนละเอียด แล้วนำไปแช่ตู้เย็นสองสามชั่วโมงก่อนเสิร์ฟ

6.ประเทศไทย

            โดยที่น้ำสลัดแต่ละประเภท มีส่วนผสมที่ต่างกันไป การปรุงขึ้นเองนั่นก็ต้องคำนวณต้นทุนให้ดี ทั้งราคาวัตถุดิบ และค่าแรง ค่าเสียเวลาในการผลิต เพราะถ้าหากคำนวณไม่แม่นยำแล้ว อาจกลายเป็นทำให้เราขาดทุนจากทำน้ำสลัดได้สำหรับร้านอาหารจำพวกสลัด และจากสภาวะปัจจุบันที่มีความเร่งรีบในการดำรงชีวิต เพื่อความสะดวกสบาย ลดระยะเวลาการเตรียมอาหารจำพวกสลัด ดังนั้นน้ำสลัดสำเร็จรูปเป็นหนึ่งในซอสปรุงอาหารยอดฮิต ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบทั้งสายเฮลตี้และสายรีบเร่ง เพราะนอกจากจะมีรสชาติอร่อยถูกใจแล้วยังมีหลายรสชาดให้เลือก และสามารถกินได้กับสลัดผักหรือเมนูต่างๆ ได้อย่างหลายอย่าง แต่หากเลือกกินที่ไม่ถูกต้องหรือปริมาณที่เยอะจนเกินไปก็อาจจะทำให้กลายเป็นเมนูที่ทำลายสุขภาพและทำให้เราอ้วนขึ้นได้หรือบางครั้งหลายคนอาจจะเลือกซื้อไม่ถูกว่าจะซื้อน้ำสลัดแบบไหนดี

               ปัจจุบันมีน้ำสลัดสำเร็จรูปที่ถูกปรุงสูตรมาอย่างดีเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภค เป็นการประหยัดต้นทุนเวลาและต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างดี และกรณีที่หากร้านนั้น ไม่ได้เป็นร้านที่เน้นขายสลัดผักเป็นเมนูหลักด้วยแล้ว การเลือกใช้น้ำสลัดสำเร็จรูปจะเป็นสิ่งที่ตอบโจทย์มากกว่า เพราะช่วยให้เราไม่ต้องไปเสียเวลากับการจัดการวัตถุดิบและผลิตน้ำสลัดให้ยุ่งยาก

ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของน้ำสลัด

              น้ำสลัดแต่ละชนิดมีส่วนผสมและคุณค่าทางโภชนาการต่างกัน ดังนั้นน้ำสลัดชนิดหนึ่งจึงอาจไม่เหมาะกับทุกคนที่เลือกรับประทาน บางชนิดเหมาะกับคนที่ต้องใช้พลังงานสูง บางชนิดเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง หรือไขมันในเลือดสูง ฯลฯ ดังนั้นการเลือกน้ำสลัดต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพร่างกายและโรคของแต่ละคน

โดยทั่วไปแล้วน้ำสลัดแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือน้ำสลัดแบบใส และน้ำสลัดแบบข้น ซึ่งน้ำสลัดแบบใสจะให้พลังงานน้อยกว่าน้ำสลัดแบบข้นอย่างเช่น

 1. น้ำสลัดเทาส์ซันไอร์แลนด์
ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 56 กิโลแคลอรี น้ำสลัดนี้ให้คุณค่าสารอาหารมากมาย เช่น วิตามินอี วิตามินซี โปรตีน ไอโซฟลาโวน และโอเมกา- 3 ไฟโตเคมีคอลจากมะเขือเทศ

2. น้ำสลัดครีม
ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงาน 190 กิโลแคลอรี ทำมาจากไข่ไก่ น้ำมันพืช มายองเนส และมัสตาร์ด จึงเป็นแหล่งของโปรตีน ไบโอติน วิตามินบี ช่วยบำรุงผิว เล็บและผมให้เงางามสุขภาพดีไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจ

3. น้ำสลัดซีซาร
ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 68 กิโลแคลอรี ลักษณะน้ำสลัดจะเป็นสีขาวข้น มีส่วนผสมจากน้ำมันเมล็ดองุ่น น้ำส้มสายชู ไข่ เกลือ และน้ำเชื่อม ปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 68 กิโลแคลอรี เหมาะสำหรับเด็กๆ ที่เริ่มต้นเมนูสลัด

4. น้ำสลัดงาหรือน้ำสลัดญี่ปุ่น
ช่วยให้เจริญอาหาร ส่วนผสมที่เป็นน้ำมันงามีกรดไพติก ช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งลำไส้ ทำให้การดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีน้ำมันเมล็ดองุ่นซึ่งอุดมไปด้วยโอเมกา- 6 ช่วยในการควบคุมการแข็งตัวของเลือดและรักษาหลอดเลือดให้อยู่ในสภาวะปกติ

5. น้ำสลัดอิตาเลียน
น้ำสลัดอิตาเลียน มีส่วนประกอบหลักได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำส้มสายชู น้ำมะนาว กระเทียม หัวหอม ฯลฯ น้ำสลัดอิตาเลียน 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี โดยน้ำมันมะกอกช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดตีบ ควบคุมระดับความดันโลหิต มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและช่วยเรื่องความจำของสมอง ส่วนผสมของน้ำมะนาวช่วยกำจัดสารพิษ ลดระดับโคเลสเตอรอล กระเทียมมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย เป็นอาหารของแบคทีเรียดีในลำไส้ใหญ่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ ลดการเกิดหลอดเลือดแดงแข็งตัว หอมในน้ำสลัดสามารถลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ข้ออักเสบรูมาตอยด์ และลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

6. น้ำสลัดฝรั่งเศส
ส่วนผสมหลัก ได้แก่ น้ำ น้ำส้มสายชู เกลือ น้ำเชื่อม และเกลือ ปริมาณน้ำสลัดฝรั่งเศส 1 ช้อนโต๊ะ ให้พลังงานประมาณ 22 กิโลแคลอรี จะช่วยให้เจริญอาหาร ไม่ให้เลี่ยนจนเกินไป

7. บาลเซมิค
ส่วนผสมสำคัญ ได้แก่ น้ำ น้ำส้มสายชูบาลเซมิค น้ำมะเขือเทศบด เกลือและน้ำมันมะกอก ปริมาณบาลเซมิค 1 ช้อนโต๊ะให้พลังงานประมาณ 15 กิโลแคลอรี ส่วนผสมของน้ำส้มสายชูบาลเซมิคประกอบด้วยมะเขือเทศบดที่มีไลโคปีนมาก และเมื่อผสมกับน้ำมันสลัดจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมดีขึ้น ลดอัตราการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากและโรคหัวใจ

สรุป

        โดยสรุปได้ว่าประโยชน์ของน้ำสลัดนอกจากช่วยให้สลัดมีรสชาติดีแล้ว ยังให้พลังงานที่พอเหมาะ ให้วิตามินอี วิตามินซี โปรตีน ไอโซฟลาโวน และโอเมกา- 3 ไฟโตเคมีวิตามินอี วิตามินซี โปรตีน ไอโซฟลาโวน และโอเมกา- 3 ไฟโตเคมี  กรดไพติก ช่วยให้เจริญอาหาร ป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือด ฯลฯ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของน้ำสลัดที่นำมาใช้

วิธีการเลือกน้ำสลัด

        ผัก ผลไม้ เป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสำหรับร่างการมนุษย์ แต่การทานผักเปล่าๆ ที่เป็นรูปแบบสลัด สำหรับบางคนจะเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะผักบางอย่างอาจจะมีรสชาติหรือกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ จะทำให้ผู้รับประทานรู้สึกกระอักกระอ่วนและทานยาก ดังนั้นการอาศัยตัวช่วยอย่าง น้ำสลัด เพื่อเพิ่มรสชาติให้กับสลัดทำให้เราทานผักมากขึ้น เมื่อน้ำสลัดเป็นตัวช่วยปรุงรสของสลัดที่ทำให้เราสามารถทานผักได้ อีกทั้งน้ำสลัดก็มีหลายชนิด ดังนั้นการเลือกน้ำสลัดมาใช้จึงเป็นสิ่งที่ควรคำนึงถึง

         จากบทความบนเวปไซด์ production.co.th ที่เขียนโดย Junenpe เมื่อ JUN 21, 2022 ได้แนะนำวิธีการเลือกน้ำสลัดที่ดีต่อสุขภาพไว้ดังนี้

1.เลือกน้ำสลัดแบบลดไขมันและน้ำตาล
2. เลือกน้ำสลัดแบบน้ำใสไว้ก่อน
3. มองหาส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพ 

               ในขณะที่ เวปไซด์ mybest ได้อ้างถึงผู้เชี่ยวชาญ ที่มีประสบการณ์การลดความอ้วนและดูแลสุขภาพตัวเองจนลดน้ำหนักได้มากกว่า 30 กิโลกรัม คือ คุณภพ อิรภภพ ภู่ตั้งธงเจริญ ฟิตเนสเทรนเนอร์ มาให้ข้อมูล และคำแนะนำ เกี่ยวกับการเลือกน้ำสลัด ไว้ว่า การเลือกน้ำสลัดมีหลายปัจจัยที่สามารถหยิบยกมาคำนึงได้ แต่หลัก ๆ แล้วจะมีอยู่ 4 ข้อ

1. เลือกน้ำสลัดตามความเข้มข้น
2. เลือกน้ำสลัดให้เหมาะกับอาหารที่จะรับประทาน
3. เลือกน้ำสลัดสูตรไขมันต่ำหรือแคลอรี่ต่ำสำหรับคนควบคุมน้ำหนัก
4. เลือกซื้อน้ำสลัดในขนาดที่พอเหมาะต่อการบริโภค

               นอกจากนี้มีบางบทความที่มีคำแนะนำในการเลือกน้ำสลัดโดยคำนึงถึง ความเข้มข้นของน้ำสลัด ปริมาณไขมันหรือพลังงาน ปริมาณน้ำตาล ปริมาณโซเดียม 

      

ข้อดีของการใช้น้ำสลัดสำเร็จรูป

1. ประหยัดเวลาในการทำน้ำสลัด
2.ไม่ต้องเสียแรงงานในการออกไปเลือกซื้อวัตถุดิบมาทำ
3. ราคาแน่นอน คำนวณต้นทุนง่าย คิดราคาขายได้
4. รสชาติได้มาตรฐาน เพราะปรุงสำเร็จโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ
5. มีให้เลือกหลากหลาย สะดวกต่อการเลือกตามต้องการ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้