Last updated: 8 ก.ย. 2565 | 24853 จำนวนผู้เข้าชม |
อาหารบุฟเฟต์ (Buffet) หรือการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ หมายถึง การรับประทานอาหารแบบบริการตนเองอย่างไม่จำกัด หรือการซื้อสินค้าและบริการที่ผู้ซื้อจ่ายเงินในราคาคงที่และสามารถบริโภคได้อย่างไม่จำกัดจำนวน ซึ่งวิธีคิดของผู้บริโภคส่วนใหญ่จากการรับประทานอาหารบุฟเฟต์ ก็คือการรับประทานที่ได้รับความคุ้มค่า คือ ต้องบริโภคให้ได้ปริมาณมากที่สุด
โดยปกติแล้วการรับประทานอาหารบุฟเฟต์ของคนไทย ร้านอาหารส่วนใหญ่จะเสนออาหารที่รับประทานได้ไม่อั้นในราคาที่กำหนด หรือลูกค้า สามารถนั่งรับประทานไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะอิ่ม ยกเว้นอาหารบุฟเฟต์บางประเภท เช่น ชาบู หรืออาหารสไตล์ปิ้ง ย่าง ร้านจะวัดราคาตามน้ำหนักหรือตามจำนวนจาน หรือกำหนดระยะเวลาในการรับประทาน
การรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ เชื่อกันว่ามีต้นกำเนิดมาจากประเทศสวีเดน ตั้งแต่ยุคไวกิ้งและเรียกการกินอาหารแบบนี้ว่า Brännvinsbord โดยชาวไวกิ้ง เป็นชนเผ่าที่มีทักษะในการเดินเรือสูง ดำรงชีพด้วยการซื้อขายสินค้าและปล้นสะดม เวลาขึ้นฝั่ง จึงมักสั่งอาหารที่อยากกินมาวางเต็มโต๊ะ จากนั้นก็ให้แต่ละคนเลือกกินตามใจชอบ จึงเป็นที่มาของอาหารบุฟเฟต์
ช่วงแรกการรับประทานอาหารแบบ บุฟเฟ่ต์ ได้รับความนิยมและถูกจำกัดอยู่ในยุโรปเท่านั้น ต่อมาในปี 1939 การรับประทานแบบ บุฟเฟ่ต์ ถูกนำมาเสิร์ฟในงานแสดงสินค้าโลก และการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่กรุงสตอกโฮล์ม ทำให้ชาวอเมริกันเริ่มรู้จักการรับประทานอาหารแบบริการตนเอง และได้รับความสนใจอย่างมาก และต่อมาได้ยังเกิดร้านอาหารแบบ บุฟเฟ่ต์ แห่งแรกในอเมริกา ชื่อว่า Herb McDonald เปิดขายอยู่ในลาสเวกัส โดยมีแนวคิดว่าต้องการให้นักพนันทั้งหลายอยู่ในกาสิโนให้ได้นานที่สุด หลังจากนั้นเป็นต้นมา บุฟเฟ่ต์ ก็ได้รับความนิยมไปทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
วัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย และพบเห็นได้ทั่วโลก แต่อาจดัดแปลงเมนูอาหารและรูปแบบไปตามแต่ละชาติ โดยจะมีอาหารที่หลากหลายมากขึ้น ส่วนบุฟเฟต์ในประเทศไทย จะเป็นการจัดเลี้ยงในรูปแบบจัดวางอาหารทั้งหมดไว้บนโต๊ะ และให้ผู้ที่เป็นแขกในงานเดินไปตักอาหารด้วยตนเอง
ปัจจุบัน คำว่า บุฟเฟต์ ในภาษาไทย ได้ขยายความหมาย รวมไปถึงการขายอาหารซึ่งผู้ขายจัดอาหารไว้หลายอย่าง และคิดราคาอาหารเหมาเป็นรายบุคคลด้วย ผู้ซื้อเลือกหยิบอาหารรับประทานเองและรับประทานได้เต็มที่ตามความพอใจ ทั้งมีการจัดอาหารหลาย ๆ แบบ ประเภทของอาหาร บุฟเฟต์ที่เราพบเห็นในประเทศไทยไม่ได้มีเฉพาะอาหารไทย ผลไม้ และขนมหวานเท่านั้น แต่ยังมีบุฟเฟต์อาหารนานาชาติ บุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่น ชาบู อาหารเกาหลี หรืออาหารประเภท ปิ้งย่าง เปิดร้านให้บริการอยู่มากมาย
เมื่อพูดถึงร้านอาหารบุฟเฟต์ยอดนิยมของคนไทย ต้องยอมรับว่า ชาบู บุฟเฟต์อิ่มอร่อย สัญชาติญี่ปุ่น คือร้านอาหารที่ได้รับความนิยมอยู่ในลำดับต้น ๆ ของคนไทยทุกเพศทุกวัย เห็นได้จากธุรกิจร้าน ชาบู หลากหลายแบรนด์ที่เปิดให้บริการอยู่มากมายมีทุกภาคและทุกจังหวัดในประเทศไทย และก่อนที่เราจะมาเรียนรู้เคล็ดลับการรับประทานชาบู ให้อร่อยได้รสชาติเหมือนต้นตำหรับ มี 15 เรื่องที่คนชอบรับประทานควรรู้ ดังนี้
ควรหลีกเลี่ยงการเรียกอาหารบุฟเฟต์ประเภทนี้เพียงสั้น ๆ ว่า “ชาบู” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่นและประเทศใกล้เคียง เนื่องจากคำว่า "ชาบู" เป็นศัพท์สแลงและมีความหมายคือ เมทแอมเฟตามีน หรือยาไอซ์ คนที่ชื่นชอบทานจึงควรเรียกเมนูนี้ว่า “ชาบูชาบู” แล้วตามด้วยแบรนด์นั้น ๆ
ต้นตำหรับ ชาบูชาบู จากญี่ปุ่น เชื่อกันว่ากำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1952 ที่เมืองโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นโดยคุณสุเอฮิโร่ ซึ่งเป็นเจ้าของภัตตาคารซูอิฮิโระ ได้ดัดแปลงเมนูนี้มาจากหม้อไฟของปักกิ่ง ประเทศจีน หลังจากเป็นที่นิยมอย่างมากในภัตตาคาร ซูอิฮิโระ ต่อมาจึงได้มีการจดทะเบียนในชื่อของ “ชาบูชาบู” เป็นเครื่องหมายการค้าเมื่อปี ค.ศ.1955 นับแต่นั้นมาชื่อเสียงของ บุฟเฟต์ ชาบูชาบู ก็เป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นจนในปัจจุบันเป็นที่รู้จักและได้นรับความนิยมไปทั่วโลก
ลักษณะของเมนูอาหารชนิดนี้ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพของคนญี่ปุ่น โดยใช้เนื้อ เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่ และปลา มาแล่บาง ๆ แล้วนำลงไปแกว่งในน้ำซุปร้อน ๆให้พอสุก เมื่อเนื้อสุกได้ที่แล้วรับประทานคู่กับน้ำจิ้มชาบูชาบู ด้วยการจุ่มเนื้อลงไปในถ้วยน้ำจิ้ม ปัจจุบันชาบูชาบูมีหลากหลายประเภทให้เลือกรับประทาน ทั้งแบบดั้งเดิมและแบบประยุกต์
คำว่า ชาบูชาบู หมายถึง เสียงตอนที่เอาตะเกียบคีบเนื้อที่แล่บาง ๆ แล้วนำไปจุ่มในน้ำเดือดโดยการส่ายไปมา ทำให้เกิดเสียงชาบุชาบุขึ้น ซึ่งเนื้อบาง ๆ นั้นลวกแค่ไม่กี่วินาทีก็สุก เสน่ห์ของอาหารเมนูนี้ก็คือ วิธีการรับประทานที่จะมีการนำเอาหม้อไฟมาตั้งตรงกลางแล้วนั่งล้อมวงหม้อไฟที่มีการปรุงไปรับประทานไป อาหารประเภทนี้จึงเป็นอาหารที่เหมาะในวันที่มีอากาศหนาวเย็นเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะตก เพราะจะทำให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นเมื่อได้รับประทานขณะร้อน ๆ ชาบู หรือชาบูชาบู จึงได้ชื่อว่าเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพของคนญี่ปุ่น
ชาบูชาบู เป็นอาหารประเภทหม้อไฟที่คนญี่ปุ่นนิยมรับประทานกันในครอบครัว การทานคล้ายกับสุกียากี้ แต่แล่เนื้อบางๆ ใช้ตะเกียบคีบเนื้อมาจุ่มลงในน้ำซุปที่ร้อนอย่างเร็ว รับประทานคู่กับน้ำจิ้ม สำหรับ ชาบู หรือ ชาบูชาบู สูตรดั้งเดิมที่เป็นต้นตำหรับ วัตถุดิบและวิธีการปรุง จะแบ่งเป็น 3 ส่วน ได้แก่
• น้ำซุปชาบูชาบู
ปัจจุบันน้ำซุปชาบูชาบู มีการดัดแปลงปรับจากสูตรดั้งเดิมให้เข้าวัฒนธรรมการทานชาบูชาบูของแต่ละประเทศ รวมทั้งสูตรน้ำซุปชาบูของญี่ปุ่นที่เป็นต้น มีการผลิตเป็นน้ำซุปชาบูสำเร็จรูปหลากหลายสูตรออกมาจำหน่าย เพื่อความสะดวกสบายของคนที่ชื่นชอบรับประทานเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอย่าง ชาบูชาบู โดยไม่ต้องเสียเวลาจัดเตรียมน้ำซุปให้ยุ่งยาก น้ำซุปชาบู ที่ได้รับความนิยม มีหลายสูตร หลายรสชาติ ดังนี้
- น้ำชาบู น้ำดำ
- น้ำชาบู ต้มยำ
- น้ำชาบู สาหร่าย
- น้ำชาบู แจ่วฮ้อน
- น้ำชาบู กระดูกหมูน้ำข้น
• เนื้อสัตว์ และผัก
เนื้อสัตว์และผัก เป็นวัตถุดิบที่เวลาเสิร์ฟจะแยกมาเป็นส่วน ๆ เนื้อสัตว์คือวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของเมนูนี้ นิยมรับประทานทั้ง เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อปลา เนื้อไก่ และอาหารทะเลโดยจะแล่เป็นชิ้นบาง ๆ ส่วนผักรวมไปถึงส่วนประกอบอื่น ๆ จะเสิร์ฟแยกมาต่างหาก
• น้ำจิ้ม ชาบูชาบู
น้ำจิ้ม ที่นำมาเสิร์ฟพร้อมชาบูชาบู คือส่วนที่ช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับเนื้อสัตว์และผัก และช่วยปรุงรสน้ำซุปให้กลมกล่อมเหมาะสำหรับรับประทานคู่กับผักชนิดต่าง ๆ น้ำจิ้มที่เสิร์ฟพร้อมชาบู มี 2 ชนิด คือ น้ำจิ้มงา และ น้ำจิ้มปอนซี
ชาบูชาบู คือ เมนูอาหารประเภทหม้อไฟ ในการรับประทานจึงต้องมีหม้อไฟชาบูชาบู เป็นอุปกรณ์สำคัญ ซึ่งลักษณะของหม้อไฟมีรูปแบบหรือลักษณะที่ต่างกันไป โดยเฉพาะการนั่งรับประทานในร้านชาบูชาบู สำหรับเคล็ดลับหรือวิธีรับประทานชาบู ให้ได้รสชาติหรือได้อรรถรสในการรับประทานไม่แตกต่างไปจากต้นตำหรับ มีขั้นตอน ดังนี้
• เลือกน้ำซุปชาบู
ส่วนประกับแรกของเมนูนี้ก็คือ น้ำซุปซึ่งมีหลายชนิด หากนั่งรับประทานในร้านก็จะมีรายได้น้ำซุปให้เลือกน้ำตามความชื่นชอบ การทำรับประทานกันเองที่บ้าน ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากเพราะมีน้ำซุปสำเร็จรูปให้เลือกหลากหลายชนิด แบรนด์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากเพียวฟู้ดส์ ที่มีน้ำซุปหลากหลายชนิดให้เลือกซื้อ เช่น
- น้ำซุปชาบูเข้มข้นรสดั้งเดิมสไตล์ญี่ปุ่น
- ซุปชาบูน้ำดำ สไตล์ญี่ปุ่น
- ซุปชาบูน้ำดำ กลิ่นกระดูกหมูเห็ดหอม
- ซุปชาบูรสเข้มข้น รสสไปซี่
• เลือกเนื้อสัตว์
เนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยม มีหลายชนิดยุคแรก จะนิยมเนื้อวัว ที่นำมาแล่บางเนื่องจากเนื้อวัวของประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีจุดเดือดของไขมันต่ำ จึงเหมาะกับการทำชาบูชาบู ที่ไม่ต้องผ่านความร้อนที่นานเกินไป แต่ในปัจจุบันนั้นจะนิยมรับประทานเนื้อสัตว์หลากหลายชนิด เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อปลา กุ้ง หมึก วัตถุดิบจากทะเล และอื่น ๆ
• เลือกผัก
สำหรับการทำชาบูชาบูรับประทานเองที่บ้าน ผักที่รับประทานกับชาบูมีผักรวมหลายชนิดจัดไว้เป็นชุดหรือขายแพ็ค
• เลือกน้ำจิ้ม
น้ำจิ้มชาบูชาบู มี 2 ชนิด ก็คือ น้ำจิ้มงาและน้ำจิ้มพอนซึ
• ขั้นตอนการปรุงหม้อชาบูชาบูและวิธีรับประทาน
ขั้นตอนการปรุงหม้อชาบูชาบูและวิธีรับประทาน วิธีรับประทานจะมีการนำเอาหม้อไฟมาตั้งตรงกลางแล้วนั่งล้อมวงหม้อไฟหรือหม้อน้ำซุปที่มีการปรุงไปรับประทานไป โดยเริ่มจากการใส่ผักลงไปต้มในหม้อก่อน เพื่อให้ได้น้ำซุปที่มีรสชาติออกหวานของผักแล้วจึงนำเนื้อลงไปลวกด้วยการใช้ตะเกียบคีบเนื้อลงไปจุ่มในหม้อน้ำซุป ซึ่งในตอนนั้นน้ำซุปชาบู จะหอมหวานมีความเข้มข้น หลังจากนั้นจึงใส่เส้น หรือผักและวัตถุดิบอื่น ๆ ลงไปในน้ำซุปเคล็ดลับสำคัญของการรับประทานชาบูชาบูให้ได้รสชาติ
• การเลือกเนื้อวัว
เนื้อวัวเป็นเนื้อสัตว์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับการรับประทานชาบูชาบูในแบบญี่ปุ่น เนื่องจากเนื้อวัวของประเทศญี่ปุ่นมีจุดเดือนของไขมันต่ำ เมื่อนำมาแล่บางใช้ตะเกียบคีบจุ่มลงในหม้อน้ำซุปเดือดส่ายไปมา เพียง 2-3 ครั้งก็สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องผ่านความร้อนนานนัก การเลือกเนื้อวัว และส่วนที่คนนิยมรับประทานสามารถแยกเนื้อออกเป็นส่วน ๆ ได้ดังนี้
- เนื้อสันคอ
- เนื้อใต้อก
- เนื้อซี่โครง
- เนื้อท้อง
- เนื้อสัน
- เนื้อสีข้าง
- เนื้อสะโพก
- เนื้อหน้าแข้ง
• การเลือกเนื้อหมู
เนื้อหมูเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับการนำมาประกอบอาหารรวมทั้งใช้เป็นส่วนประกอบในชาบู ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายส่วนมากกว่าเนื้อวัว โดยเนื้อหมูสามารถแยกออกเป็นส่วนต่าง ๆ ได้ ดังนี้
- เนื้อหมูส่วนหัว
- เนื้อหมูส่วนสันคอ
- เนื้อหมูส่วนหัวไหล่
- เนื้อหมูส่วนขาหน้า
- เนื้อหมูสันนอก
- เนื้อหมูสันใน
- ซี่โครงหมู
- หมูสามชั้น
- เนื้อหมูส่วนสะโพก
• การเลือกเนื้อไก่
การเลือกเนื้อไก่เพื่อประกอบอาหาร หรือมาเป็นส่วนประกอบในชาบู และเมนูต่าง ๆ ไก่ 1 ตัว สามารถแยกออกได้หลายชิ้นส่วน แต่ละส่วนมีคุณสมบัติที่เหมาะกับการประกอบอาหารแตกต่างกัน ดังนี้
- ส่วนคอไก่
- ส่วนอกไก่
- ส่วนปีกไก่
- ส่วนสะโพกไก่
- น่องไก่
• วิธีเลือกกุ้ง
กุ้ง เป็นเนื้อสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมในการนำมาประกอบอาหาร โดยเฉพาะบุฟเฟต์ชาบู การเลือกกุ้งที่สดใหม่ ช่วยเสริมรสชาติชาบูหรือเสริมรสชาติอาหารเมนูต่าง ๆ ให้อร่อยและน่ารับประทานมากยิ่งขึ้น การเลือกกุ้งทำได้ ดังนี้
- หัวกุ้งควรติดแน่นกับลำตัว ไม่หลุดออกจากกัน ส่วนหัวไม่ควรเป็นสีดำ
- เลือกกุ้งลำตัวใส ตาใส เปลือกแน่น เงางาม
- เลือกกุ้งที่ครีบและหางเป็นมัน
- เลือกกุ้งตัวที่เนื้อแน่น ไม่นิ่มเละ
• วิธีเลือกปลาหมึก
ปลาหมึกเป็นวัตถุดิบจากทะเล ที่นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายเมนูและทำได้หลายรูปแบบ ทั้งปลาหมึกสด ปลาหมึกแห้ง หรือหมึกแปรรูป และมีอยู่หลายชนิด เช่น หมึกกล้วย หมึกกระดอง และหมึกยักษ์ส่วนวิธีเลือกปลาหมึกสดมี ดังนี้
- ตาหมึกใส ไม่ขุ่น เห็นตาดำด้านในได้อย่างชัดเจน
- เมื่อทดลองดมกลิ่น ต้องมีกลิ่นคาวตามธรรมชาติ ไม่เหม็นเน่า
- ทุกส่วนของปลาหมึกต้องแน่น ไม่เละ
- เยื่อหุ้มตัวหมึกต้องไม่หลุดรุ่ย
- หนวดเเละถุงน้ำหมึกปลาหมึกควรมีสภาพดี
การรับประทานชาบู ไม่ว่าจะนั่งที่ร้าน รับประทานที่บ้าน หรือรับประทานที่ร้านบุฟเฟต์ชาบู การรับประทานให้ถูกต้องเป็นไปตามขั้นตอน ก็จะทำให้ได้อรรถรสการรับประทานชาบูมากยิ่งชึ้น โดยเฉพาะการรับประทานในร้านบุฟเฟต์ชาบู ผู้ให้บริการหรือร้านชาบูส่วนใหญ่จะบริการตามขั้นตอน และวิธีการรับประทานแบบต้นตำหรับมีดังนี้
- การทานในร้านชาบู พนักงานจะยกหม้อชาบูที่มีน้ำซุปมาเสิร์ฟที่โต๊ะ
- วิธีที่ถูกต้องสำหรับคนชอบรับประทานชาบู ตอนเเรกไม่ควรเปิดไฟแรงสุดเพื่อให้น้ำเดือด แต่ ควรปล่อยน้ำให้ค่อยๆเดือด ทำให้ชาบูอร่อย
- เลือกผักใส่ลงในหม้อน้ำซุป ควรเริ่มจากผักที่แข็ง จากนั้นต้มทิ้งไว้จนเปื่อยจะทำให้น้ำซุปเข้ม ข้นมากขึ้น พร้อมความหวานที่มาจากผักเมื่อผักเปื่อยจะทำให้รับประทานผักได้ง่าย
- ขั้นตอนการรับประทานเนื้อสัตว์ เมื่อน้ำซุปเดือดแล้วคีบเนื้อสัตว์ขึ้นมา 1 ชิ้นแล้วจุ่มลงไปในหม้อที่น้ำกำลังเดือด ทิ้งไว้ประมาณ 15-30 วินาที หรือตามใจชอบ โดยการจุ่มเนื้อสัตว์ทีละชิ้นแกว่งไปมาให้มีเสียงดัง ชาบุชาบุ (ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า ชาบู) เพื่อให้ได้สัมผัสความนุ่ม หอม หวาน ได้รสละมุนจากเนื้อสัตว์โดยแท้ จากนั้นยกขึ้นมาแล้วจุ่มลงในถ้วยน้ำจิ้ม
- การเทเนื้อสัตว์ หรือวัตถุดิบอื่น ๆ เช่น สาหร่าย เต้าหู้ และ อาหารทะเล รวมทั้งเนื้อสัตว์ที่แล่บาง ๆ ลงไปในหม้อน้ำซุปพร้อม ๆ กันทิ้งไว้ในสุกแล้วตักขึ้นมาทีเดียว ก็ทำได้เช่นกัน แต่ไม่ใช่วิธีการรับประทานชาบูที่ถูกต้อง
- การเติมน้ำซุปชาบู เมื่อน้ำซุปในหม้อเริ่มแห้งลง แม้น้ำซุปจะมีหลายสูตร เเต่ควรเติมน้ำซุปชนิดเดิม เพื่อคงความอร่อยของน้ำซุปชาบูชาบู
- น้ำจิ้มเพิ่มความอร่อยแต่ต้องใช้แต่พอเหมาะ ไม่ใช้น้ำจิ้มมากเกินไป เพราะการจุ่มเนื้อหรือผักในน้ำจิ้มมากเกินไป ทำให้รสสัมผัสของเนื้อสัตว์แต่ละชนิดหมดไป
- เลือกใช้น้ำจิ้มให้ถูกต้อง ตามต้นตำรับชาบูสไตล์ญี่ปุ่น น้ำจิ้มที่มีอยู่ 2 ชนิด จะใช้รับประทานคู่กับวัตถุดิบแตกต่างกัน เช่น น้ำจิ้มพอนซึ จะใช้รับประทานเฉพาะกับผัก ส่วนน้ำจิ้มงาจะมีสีขาว ใช้รับประทานคู่กับเนื้อเท่านั้น การเลือกน้ำจิ้มชาบูให้ถูกต้องเหมาะจะช่วยเพิ่มรสชาติให้มื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
- ซดน้ำซุป ให้คล่องคอ การรับประทานชาบูตามสไตล์ญี่ปุ่น อย่าลืมตักน้ำซุปร้อนๆ ใส่ถ้วยแล้วซดน้ำซุปอุ่น ๆ จะทำให้รับประทานชาบูได้คล่องคอและลิ้มรสชาติได้ครบถ้วนมากขึ้น
- สำหรับขั้นตอนสุดท้ายของการกินชาบู ถือเป็นมรรยาทอย่างหนึ่งของการรับประทานชาบูสไตล์ญี่ปุ่น ก็คือการรับประทานให้หมดทั้งเนื้อสัตว์ ผัก และวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบในเมนูนั้น เพื่อเป็นการให้เกียรติเชฟ และไม่เสียของ
แม้ปัจจุบันอาหารบุฟเฟต์จะเป็นที่นิยม และตอบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ ที่ต้องใช้ชีวิตอย่างเรีงรีบ เพื่อต่อสู้กับการแข่งขันด้านการตลาด ต้องเร่งรีบในการทำงานให้ก้าวตามทันการพัฒนาของเทคโนโลยี เมื่อวิถีชีวิตอยู่กับความเร่งรีบ ความเครียด ความวิตกกังวลต่าง ๆ จากการทำงานเกิดขึ้นได้เสมอ การรับประทานบุฟเฟต์ จึงถือเป็นเมนูที่สามารถสร้างความผ่อนคลายจากการใช้ชีวิตประจำวันได้ แต่ก็มีข้อที่ควรระวังในการรับประทานอาหารบุฟเฟต์ ดังนี้
- ระวังในเรื่องวัตถุดิบ ควรเลือกซื้อวัตถุดิบที่สด โดยเฉพาะอาหารทะเล ควรทำให้สุกก่อนกินเพื่อป้องกันการได้รับเชื้อโรคต่าง ๆ
- การรับประทานอาหารบุฟเฟต์ ประเภทปิ้งย่าง ควรระวังสารก่อมะเร็งจากอาหารรที่เกรียมหรือไหม้มักพบสารที่ก่อมะเร็ง
- ระวังโซเดียมแฝงจากน้ำจิ้ม น้ำซุป และเนื้อสัตว์แปรรูป นอกจากการกินอาหารไขมันสูง และกินในปริมาณที่มากเกินไปแล้วจะทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น
- ระวังเรื่องสุขภาพ เพราะการกินอาหารที่มีโซเดียมสูงก็ทำให้น้ำหนักเพิ่มได้เช่นกัน
- ระวังเครื่องดื่ม และขนมหวาน ที่มีมีความหวานจากน้ำตาล โดยเฉพาะคนที่เป็นโรคเรื้อรัง
- ระวังการกินอาหารในปริมาณที่มากไป โดยเฉพาะอาหารที่มีไขมันสูงและมีคาร์โบไฮเดรตมาก
อาหารบุฟเฟต์มีหลายประเภท เสน่ห์ของอาหารสไตล์บุฟเฟต์ก็คือ สามารถรับประทานได้ไม่จำกัดหรือรับประทานได้มากเท่าที่ต้องการในราคาเหมาจ่าย หรือภายในระยะเวลาที่กำหนด การรับประทานอาหารประเภทนี้บ่อย ๆ ทั้งทำเองหรือนั่งในร้านบุฟเฟต์ ยังต้องระวังเรื่องสุขภาพและน้ำหนักตัวที่อาจเพิ่มขึ้นได้ เคล็ดลับการรับประทานอาหารบุฟเฟต์อย่างมีสุขภาพดี ทำได้ ดังนี้
- การเตรียมตัวรับประทานบุฟเฟต์ ด้วยการอดอาหารไม่ใช่วิธีที่ดีเพราะจะทำให้ความอยาก
อาหารมากขึ้นและกินเกินปริมาณที่ร่างกายต้องการ
- การเลือกตักอาหาร ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันหรือเลือกรับประทานจำนวนน้อย
- เลือกรับประทานผักด้วย
- เลือกอาหารในกลุ่มข้าว แป้ง ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป
- เน้นอาหารที่ปรุงสุก ไม่ว่าจะเป็นปิ้งย่าง หรือชาบู แต่หลีกเลี่ยงอาหารที่เกรียม
- อาหารประเภทบุฟเฟต์ ควรรับประทานช้า เคี้ยวให้นานขึ้น และควรอิ่มในระดับที่พอดี
- ควรเลือกนั่งโต๊ะให้ห่างจากบริเวณที่ตักอาหาร เพื่อเพิ่มการเคลื่อนไหวร่างกาย
- ควรเลือกรับประทานหรือใช้น้ำจิ้มแต่แต่น้อย ซดน้ำซุปในปริมาณที่พอเหมาะ
- เลือกเครื่องดื่มที่ไม่เติมน้ำตาล
- ร้านบุฟเฟต์ส่วนใหญ่นอกจากมีขนมแล้ว ให้เลือกรับประทานปิดท้ายรายการแล้ว ยังมีผลไม้ ให้เลือกรับประทานผลไม้ 6-8 ชิ้นคำ
ชาบูชาบู ถือเป็นเมนูอาหารเพื่อสุขภาพจากญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมจากคนไทย เพราะเป็นการรับประทานขณะร้อน ๆ ส่วนประกอบและวัตถุดิบควรเป็นผักหลายชนิด เนื้อสัตว์ก็สามารถเลือกที่ไม่มีไขมันหรือมีไขมันน้อยได้ สำหรับเคล็ดลับ การรับประทานชาบู อย่างมีสุขภาพดีทำได้ ดังนี้
- สั่งให้มีวัตถุดิบครบถ้วน ทั้งเนื้อสัตว์ ผัก ทานพร้อมวุ้นเส้น เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่หลากหลาย
- เนื้อสัตว์ ควรเลือกให้หลากหลาย ทั้งหมู ไก่ ปลา กุ้ง ไข่ เพื่อช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างสมดุล
- หลีกเลี่ยงการรับประทานที่เน้นแค่เนื้อหรือผัก
- น้ำซุปชาบู ทางร้านส่วนใหญ่มีน้ำซุปให้เลือกหลายสูตร ควรเลือกสูตรที่ชื่นชอบ การเติมน้ำซุปควรเป็นสูตรเดียวกันหรือ น้ำซุปชาบูชนิดเดียวกัน เพื่อคงรสชาติความอร่อยของ ชาบูเมนู นั้น ๆ กรณีปรุงรับประทานเองที่บ้านก็สามารถทำได้ง่าย เนื่องจากมี ซุปชาบู แบบสำเร็จรูปจำหน่าย ที่ได้รับความนิยมได้แก่ ผลิตภัณฑ์จากเฟียวฟู้ดส์ เช่น ซุปชาบูเข้มข้น รสสไปซี่ ซุปชาบูเข้มข้น รสดั้งเดิม
- ใช้น้ำจิ้ม หรือจุ่มเนื้อสัตว์และผักในน้ำจิ้มพอประมาณ เพื่อให้ได้รสสัมผัสหรือรสชาติความอร่อยของเนื้อสัตว์และผัก ซึ่งปกติน้ำจิ้มชาบูจะมี 2 ชนิด ได้แก่ น้ำจิ้มพอนซึ สำหรับผัก และน้ำจิ้มงา จะสำหรับเนื้อสัตว์
- เลือกรับประทานผลไม้ ปิดท้ายรายการแทนขนมหวาน
สำหรับคนที่ชื่นชอบอาหารร้อน ๆ และเป็นเมนูที่สามารถนั่งรับประทานร่วมกันได้หลาย ๆ คน ก็จะต้องนึกถึง เมนูสุกี้หม้อไฟ และ ชาบูหม้อไฟ แต่เชื่อว่าหลาย ๆ คนอาจมีข้อสงสัยว่า สุกี้กับชาบู นั้นเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร
• สุกี้และประวัติความเป็นมา
สุกี้ เป็นอาหารประเภทหม้อไฟของญี่ปุ่น เริ่มแรกนั้นมีวิธีปรุงอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบคันโตะ ซึ่งจะปรุงรสน้ำซุปให้มีรสชาติกลมกล่อม พร้อมนำเนื้อสัตว์และผักมาต้มได้เลยทันที คล้ายสุกี้แบบหม้อไฟ ส่วนแบบคันไซ ที่ต้องต้มเนื้อสัตว์และผักก่อน จากนั้นจึงค่อยนำเนื้อและผักออกมาปรุงรสด้วยซอสและซีอิ๊วก่อนจะรับประทาน คล้ายสุกี้ที่ปรุงเป็นถ้วย สำหรับรับประทานคนเดียวเหมือนกับก๋วยเตี๋ยวในปัจจุบัน
ส่วนประวัติความเป็นมาของสุกี้หม้อไฟ หรือญี่ปุ่นเรียกว่า นาเบะ มีประวัติศาสตร์การเดินที่ยาวนานมาจากประเทศ “มองโกเลีย” เนื่องจากพื้นที่ในแถบนั้นมีอากาศหนาวจัด จึงทำให้ลักษณะการทำอาหารแบบต้มรวมกันในหม้อเป็นที่นิยมมาก เพราะช่วยเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายได้ จากนั้นวัฒนธรรมการรับประทานอาหารแบบหม้อไฟของชาวมองโกลก็เริ่มเดินทางเข้าสู่ประเทศจีน ผ่านสิบสองปันนา ยูนนาน กวางตุ้ง จนกระทั่งมาถึงประเทศญี่ปุ่น
สำหรับความเป็นมาของสุกี้ในประเทศไทย เริ่มขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500 มีร้านอาหารเล็ก ๆ ชื่อสุกี้โคคา เป็นผู้นำอาหารเสิร์ฟ ในหม้อเข้ามาเป็นเจ้าแรก โดยเปิดเป็นร้านเล็ก ๆ ย่านสยามสแควร์ และด้วยรสชาติความร่อย ความแปลกใหม่ จึงทำให้ร้านสุกี้ยากี้เล็ก ๆ ขยายสาขาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน รวมทั้งมีการดัดแปลงปรับปรุงสูตรและสร้างแบรนด์สุกี้ขึ้นมาอีกมากมาย
ลักษณะของสุกี้ หรือสุกี้หม้อไฟ คือ น้ำซุป ทำมาจากโชยุเป็นหลัก จึงทำให้น้ำสุกี้มีลักษณะเป็นน้ำตาลเข้มเกือบดำ ด้วยวิธีการปรุงเนื้อให้สุกผ่านการผัดและการต้ม จึงทำให้เนื้อของสุกี้นั้นมีลักษณะชิ้นใหญ่ เมื่อทุกอย่างสุกแล้วก็จะนำมารับประทานร่วมกับไข่ดิบที่ตีไว้ การปรุงสุกี้ผ่านหม้อไฟที่มีลักษณถะทรงตื้น จึงทำให้ดูเหมือนว่าสุกี้จะเป็นอาหารที่น้ำซุปไม่เยอะมากจนท่วมวัตถุดิบทั้งหมด อีกทั้งส่วนผสมของน้ำซุปที่มีทั้งโชยุ มิริน สาเก และน้ำตาล ยังทำให้สุกี้เป็นอาหารที่ค่อนข้างรสจัด เวลารับประทานจึงไม่นิยมซดน้ำซุปเหมือนกับ ชาบู
1. สุกี้ เป็นเมนูอาหารที่รับประทานในหม้อไฟ เช่นเดียวกับชาบู แต่มีวิธีปรุงด้วยกัน 2 แบบคือ ลักษณะเป็นสุกี้แบบหม้อไฟพร้อมนำเนื้อสัตว์และผักมาต้มพร้อมกันในหม้อไฟ เมื่อเนื้อและผักสุกจะตักมาใส่ถ้วยของแต่ละคนแล้วปรุงรับประทาน และแบบการปรุงเป็นถ้วยส่วนใหญ่สั่งรับประทานในร้านอาหาร
2. ส่วนการรับประทานชาบู เป็นการใช้ตะเกียบคีบเนื้อหรือผักลงไปแกว่งหรือลวกในน้ำซุปจนสุก ก่อนรับประทานนำมาจุ่มในถ้วยน้ำจิ้มเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยเนื้อสัตว์จะแล่เป็นชิ้นบาง ๆ แตกต่างจากเนื้อสัตว์ในเมนูสุกี้ที่จะชิ้นหนาและใหญ่กว่า ลักษณะการปรุงให้สุกจึงแตกต่างกัน
3. น้ำซุปของชาบู ก็จะมีความแตกต่างจากสุกี้ เนื่องด้วยการทำชาบูต้องใช้ “หม้อก้นลึก” เพื่อให้สามารถใส่น้ำซุปแล้วมีพื้นที่จุ่มเนื้อสัตว์จนสุกได้ โดยน้ำซุปชาบูจะปรุงรสด้วยสาหร่ายและปลาโอเป็นหลัก ทำให้ได้น้ำซุปสีใส รสชาติกลมกล่อมสามารถซดระหว่างรับประทานเนื้อสัตว์และผักได้
4. สำหรับการรับประทานสุกี้จะเป็นการต้มทุกอย่างรวมกัน เน้นน้ำขลุกขลิก รสชาติเข้มข้นและไม่จิ้มน้ำจิ้ม ส่วนชาบูจะต้มผักก่อน เมื่อน้ำเดือดจึงค่อยนำเนื้อสัตว์มาแกว่งน้ำให้สุก สามารถซดน้ำซุปได้ และรับประทานแบบจิ้มน้ำจิ้ม
5. การรับประทานชาบู นอกจากต้องจิ้มน้ำจิ้มแล้ว ยังนิยมเสิร์ฟมาให้อย่างน้อย 2-3 ชนิด เช่น น้ำจิ้ม Hatsuga Genmai ทำมาจากข้าวกล้องงอก น้ำจิ้ม Ponzu ทำจากเลมอน น้ำส้มสายชู ซอสถั่วเหลือง เหล้ามิริน น้ำจิ้ม Goma-dare ทำมางาขาวที่มีกลิ่นหอม รสชาติหวานมัน ส่วนน้ำจิ้มสุกี้จะนิยมปรุงลงในถ้วยและมีเพียงชนิดเดียวแต่รสชาติอาจแตกต่างกันไปตามสูตรส่วนผสม
เทรนด์การรับประทานอาหารสไตล์ปิ้งย่าง และบุฟเฟต์ชาบู กำลังมาแรงและได้รับความนิยมอย่างมาก ในส่วนของแบรนด์ชาบูที่เป็นแฟรนไชส์ และร้านชาบูยอดนิยมมีให้เลือกหลายแบรนด์ ดังนี้
• แฟรนไชส์ชาบูอินดี้บุฟเฟ่ต์
• แฟรนไชส์ ชาบูนางใน
• Shabu de bear
• SHABUKU
• Shiroku Shabu
• Penguin Shabu
• Kokoro ShabuSushi Buffet
• ร้าน TO-TO-SAMA SHABU & SUSHI BUFFET
• ร้าน Penguin Eat Shabu
• ร้าน Masaru Shabu & Sushi Buffet
ปัจจุบันการทำชาบูรับประทานเองที่บ้าน ไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากไม่ว่าจะเป็นสูตรต้นตำหรับจากญี่ปุ่นหรือเมนูที่ปรับประยุกต์ให้เหมาะสมกับวัตถุดิบและรสชาติที่คนไทยชื่นชอบ สำหรับ สูตรต่อไปนี้เป็น ชาบู ที่สามารถทำรับประทานได้ง่าย ๆ ดังนี้
• ส่วนผสม ชาบูหม้อไฟ สิ่งที่จะต้องจัดเตรียมในการทำชาบูหม้อไฟ ก็คือวัตถุดิบต่าง ๆ ต่อไปนี้
โดยจัดเตรียมปริมาณความต้องการ
- เนื้อสัตว์สไลซ์
- เต้าหู้
- ข้าวโพดดิบ
- ผักกาดขาว
- ผักปวยเล้ง
- ขึ้นฉ่าย
- เห็ดเข็มทอง
- เห็ดหอมสด
- เห็ดชิเมจิ
- แครอท
- เส้นอุด้ง หรือเส้นบุก
• ส่วนประกอบของน้ำซุป ได้แก่
- น้ำเปล่า
- ปลาโอแห้ง
- เห็ดหอมแห้ง
- โชยุ
- เหล้ามิริน
- เหล้าสาเก
• วิธีทำน้ำซุป น้ำซุปจะสีดำ เหมือนของญี่ปุ่นที่เป็นต้นตำหรับ
- นำน้ำเปล่ามาเทใส่หม้อตั้งไฟ ปริมาณน้ำดูที่หม้อของเรา
- นำเห็ดหอมแห้งใส่ลงไปในหม้อที่น้ำเดือด ต้มลงไปปิดฝาหม้อไว้ 5 นาที ทำการช้อนเห็ดหอมใส่ ถ้วยพักไว้
- นำปลาโอแห้งใส่ลงไปในหม้อ ใส่ 2 กำมือ ต้มต่อ 5 นาที และกรองเนื้อปลาทิ้งเลย
- ปรุงน้ำซุบตามใจชอบ ชิมตามรสชาติของเรา โชยุ 2 ทัพพี เหล้ามิริน 3 ทัพพี เหล้าสาเก 1 ทัพพี ลองชิมน้ำดู
• ส่วนประกอบน้ำจิ้มชาบู จะซื้อสำเร็จหรือจะทำเองก็สามารถทำได้ โดยเตรียมส่วนประกอบ
สูตรน้ำจิ้มพอนสึตามนี้
- โชยู
- เหล้ามิริน
- น้ำซุปดาชิ ที่ทำไว้ก่อนแล้ว หรือจะซื้อซุปชาบูสำเร็จรูป ผลิตภัณฑ์จากเพียวฟู้ดส์ก็ได้เช่นกัน
- มะนาว
- พริกสับ
- กระเทียมสับ
• วิธีการทำ
ผสมส่วนประกอบ ซอสโชยุ 2 ช้อน น้ำซุปดาชิ 1.5 ช้อน น้ำมะนาว 1ช้อน เหล้ามิริน 0.5 ช้อน
คนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน หากต้องการความสะดวกรวดเร็วหรือมีน้ำจิ้มชาบูหลาย ๆ รสชาติ ก็สามารถเลือกซื้อน้ำจิ้มจากผลิตภัณฑ์ตราเพียวฟู้ดส์ นอกจากน้ำจิ้มหลากหลายรสชาติ ยังสะดวกสบายไม่ต้องจัดเตรียมส่วนประกอบให้ยุ่งยาก
สำหรับชาบูสูตรนี้ นอกจากทำรับประทานกันเองภายในครอบครัวแล้ว ยังเป็นเมนูที่เหมาะกับงานสังสรรค์ งานวันเกิด หรือเป็นเมนูสังสรรค์ในวันสำคัญต่าง ๆ นอกจากประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถเลือกซื้อเนื้อสัตว์และวัตถุดิบที่เป็นส่วนประกอบอื่น ๆ ตามที่เราชื่นชอบได้ การนั่งรับประทานอยู่ที่บ้าน ยังดีต่อสุขภาพช่วยให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของไว้รัสได้เป็นอย่างดี
การรับประทานชาบู และอาหารบุฟเฟต์ รวมไปถึงอาหารประเภทปิ้งยาง ที่กำลังเป็นเทรนด์นิยมของคนไทย จนทำให้มีร้านอาหารบุฟเฟต์ชาบู และร้านอาหารสไตล์บุฟเฟต์เกิดขึ้นมากมาย ส่วนใครที่มีสูตรหรือศึกษาสูตรชาบูจากอินเทอร์เน็ตแล้วไปทำรับประทานเอง ก็ทำได้ไม่ยาก เนื่องจากปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์สำเร็จรูป ที่อำนวยความสะดวกให้กับคนที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ปิ้งย่างและหม้อไฟจากญี่ปุ่น หรืออาหารเกาหลี ทุกชนิด ตั้งแต่ซุปสำเร็จรูป น้ำจิ้ม หรือผงปรุงรสต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์น้ำซุปชาบู และน้ำจิ้มชาบู ตราเพียวฟู้ดส์ คือหนึ่งในแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยม โดยมีผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจหลากหลายชนิด เช่น
• ผลิตภัณฑ์ซอส เช่น
- ซอสราดแล้วย่างสไตต์เกาหลี
- น้ำจิ้มชาบู สไตล์ญี่ปุ่น
- ซอสดองสำเร็จรูป สำหรับดองแซลมอล กุ้ง ปู ไข่ สไตล์เกาหลี
- ซอสสำหรับปรุงซุปสำเร็จรูปเข้มข้น
- ซอสสุกี้ชาบูสไตล์ญี่ปุ่น
- น้ำจิ้มสุกี้ สูตรชาบูเกาหลี
- น้ำจิ้มสุกี้ สูตรกวางตุ้ง
- ซอสหมักนุ่ม สูตรปิ้ง ย่าง หมูกระทะ
- น้ำจิ้มสุกี้ สูตรหม่าล่า
- ซอสบาบีคิว
- น้ำจิ้มซีฟู้ดส์แบบถุง
- ซอสหมักนุ่ม สูตรพริกไทยดำ
- ซอสหมักนุ่ม สูตรผสมพริกเม็กซิกัน
- ซุปชาบูรสเข้มข้น สูตรดั้งเดิม
- น้ำจิ้มแจ่ว
- ซอสสปาเก็ตตี้
• น้ำสลัด เช่น
- น้ำสลัดซีซาร์
- น้ำสลัดครีม
- น้ำสลัดซีอิ้วญี่ปุ่น
- น้ำสลัด สูตรไม่มีโคเลตเตอรอล
- น้ำสลัดสูตรไขมันต่ำ
- น้ำสลัดโบราณ
- ชีสซี่ดิป รสมันม่วงและชีส
- น้ำสลัดงาคั่ว
• ซอสไก่เกาหลี ซอสไก่ทอด
- ซอสราดแล้วย่าง
- ซอสไก่เผ็ด
- ซอสเคลือบไก่ สูตรเผ็ด
- ซอสเคลือบไก่ สูตรบาบีคิว
- ซอสเคลือบไก่ สูตรพริกเกาหลี
- ซอสเคลือบไก่ สูตรกระเทียม
• ซอสน้ำจิ้ม สำหรับอาหารไทย
- น้ำปรุงรส ราดผัก ผลไม้
- ซอสเข้มข้น รสแจ่วฮ้อน
- น้ำจิ้มรสงาคั่ว สไตล์ญี่ปุ่น
- ซอสพริก
- ซอสมะเขือเทศ
- น้ำจิ้มซีฟู้ต
• ของหวาน อาหารแข่แข็ง
- น้ำเชื่อมเสาวรส
- น้ำเชื่อมสตอเบอรี่
- น้ำเชื่อมบลูเบอรี่
- ชอคโกแลต ฟิลลิ่ง
- ชีส ฟิลลิ่ง
- กล้วย ฟิลลิ่ง
- บลูเบอรี่ ฟิลลิ่ง
- น้ำตาลมะพร้าว
- เพียวฟู้ดส์ เป็นบริษัทชั้นนำ เชี่ยวชาญด้านการผลิต สลัด ซอสคาว ซอสหวาน มายองเนส ทำให้ผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ
- เป็นบริษัทที่มีกำลังการผลิต 18000 ตันต่อปี จากการผลิตจำนวนมาก ทำให้ผลิตภัณฑ์และสินค้าของเพียวฟู้ตส์ เป็นสินค้าคุณภาพ ในราคามาตรฐาน
- มีทีมวิจัยที่ทำให้บริษัทพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
- เพียวฟู้ดส์ เป็นบริษัทชั้นนำ ที่มีการลงทุนนวัตกรรมด้านเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาสินค้า และการผลิตที่ทันสมัย
- เพียวฟู้ดส์ เป็นบริษัทชั้นนำที่นอกจากมีผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปออกมาจำหน่ายแล้ว ยังรับผลิตสินค้าให้ผู้ประกอบการหลากหลายกลุ่ม
ในยุคที่ เทรนด์การรับประทานอาหารแบบบุฟเฟ่ต์ เป็นที่นิยมของคนไทยอย่างมาก เคล็ดลับการกินชาบู และ 15 เรื่องที่คนกินชาบู ต้องรู้ในบทความนี้ นอกจากบอกเล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของชาบู ให้คนไทยที่ชื่นชอบอาหารประเภทนี้ได้รับรู้แล้ว ต้องขอบอกเลยว่าการรับประทานชาบูนั้น ยังทำให้ได้รับประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่ ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนของเนื้อต่าง ๆ คาร์โบไฮเดรตจากเครื่องเทศหรือเครื่องปรุง แร่ธาตุจากพืชผักต่าง ๆ ในชาบู ทำให้ผิวพรรณสดใส ช่วยให้ระบบการย่อย และการขับถ่ายเป็นปกติ วิตามินที่ได้จากผลไม้ รวมทั้งไขมันจากเนื้อที่มีระดับปานกลางให้พลังงานและให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย การรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ และเคล็ดลับเกี่ยวกับการรับประทานชาบูอย่างถูกต้อง ถูกวิธี นอกจากช่วยเพิ่มรสชาติความอร่อยให้กับเมนูอาหารแล้ว ยังดีและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย
2 ส.ค. 2566
29 พ.ย. 2565
1 ก.ย. 2566
16 พ.ย. 2566